การกดนวดจุดรักษาไมเกรน

โรคไมเกรน หลายๆ คนคงเคยประสบความเจ็บปวดทรมาน กับอาการปวดศีรษะอย่างไม่รู้จักหาย เราจทำอย่างไรกับการที่จะดูแลตัวเองให้ปราศจากความเจ็บปวดจาดโรคไมเกรน

ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะตุบๆอย่างรุนแรงโดยเริ่มจากบริเวณใกล้ดวงตาหรือ บริเวณขมับข้างใด ข้างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นซ้ำๆ มักพบร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ ต้นเหตุในไมเกรนโดยหลักแล้วจะไม่ได้อยู่บนศีรษะอย่างเดียว ต้นเหตุแท้ๆ จะอยู่ปลายปรสาทที่บ่าอาการต่างๆ สามารถหายได้โดยการเปลี่ยนอิริยาบถให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก

ศูนย์รักษาไมเกรน ดอกเตอร์ แคร์ ได้คิดค้นพัฒนาการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน ด้วยวิธีรักษาสมดุลธาตุ 4 (Balance of Four Elements Program; BEEP) ผสมผสานกับศาสตร์การกดจุดรักษาโรค (Musculoskeletal Manipulative Technique MMT) โดยปรับและกระตุ้นระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ เพื่อปรับสมดุลการทำงานของหลอดเลือดแดงที่อยู่ภายนอกและภายในศีรษะ ซึ่งเป็นศาสตร์การรักษาที่ได้รับรางวัลผลวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2548 จากกระทรวงสาธารณสุข

แพทย์อายุรเวท แวร์สมิง แวหมะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน จากศูนย์รักษาไมเกรนดอกเตอร์ แคร์ (Doctor Care) ไลฟ์เซ็นเตอร์ กล่าวถึงการรักษาไมเกรนด้วยวิธีนี้ว่า “ขั้นตอนการรักษา เริ่มจากวินิจฉัยโรคด้วยการซักประวัติ เพื่อเก็บข้อมูลลักษณะการปวดว่าเป็นแบบใด ตำแหน่งที่ปวด เช่น กระบอกตา ขมับท้ายทอย หรือทั่วศีรษะ ความรุนแรงของอาการปวด ระยะเวลาที่ปวดในแต่ละครั้ง รวมถึงความถี่ของการปวด ซึ่งแบ่งไว้ 6 ระดับ คือ ระดับ 0 ปวด 2-3 ครั้งต่อเดือน ระดับ 1 ปวดสั้นๆ ไม่กระทบการทำงาน ระดับ 2 ปวดแต่ทนได้ ระดับ 3 ปวดแล้วต้องทานยา มีอาการร่วม อาทิ คลื่นไส้, อาเจียน ระดับ 4 ปวดแล้วทำงานไม่ได้ ยาไม่สามารถรักษาอาการให้บรรเทาได้ และระดับ 5 คือผู้ที่ปวดรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถลุกจากที่นอนมาดำเนินชีวิตประจำวันได้”

ต่อมาจึงเป็นการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของอาการปวดว่าเกิดจากความผิดปกติส่วนใด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุของกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งตัว เนื่องจากทำงานหนัก ขาดการพักผ่อนและการออกกำลังกาย สะสมจนกลายเป็นความตึงเครียด เมื่อมาเจอภาวะอากาศร้อนจัดหนาวจัด แสง สี เสียง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรวดเร็ว

ในส่วนของโปรแกรมบำบัดมีระยะเวลาทั้งหมด 5 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก จะเป็นการนวดด้วยหลักกายภาพบำบัด เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวและกลับสู่ภาวะสมดุลในลักษณะใกล้เคียงกับช่วงก่อน มีอาการปวดไมเกรนมากที่สุด พอครั้งที่ 3 และ 4 เป็นการกดจุดบริเวณบ่าเพื่อบล็อกเลือดและออกซิเจน ซึ่งเป็นการสร้างแรงดันในหลอดเลือดทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น อีกทั้งแรงดันยังสามารถช่วยทำความสะอาดล้างแคลเซียมและพังผืดที่เกาะตามหลอด เลือดได้อีกด้วย ส่วนครั้งที่ 5 จะเป็นขั้นประเมินผลและฟื้นฟูอาการ ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที

ผลจากการรักษาด้วยวิธีนี้ ผู้ที่เป็นไมเกรนแบบเฉียบพลันจะมีอาการปวดศีรษะลดลงถึงร้อยละ 80 หรือหายจากอาการปวดศีรษะ และหากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องก็สามารถป้องกันการกลับมาปวดในภายหลัง ได้ แต่ทั้งนี้การรักษาด้วยวิธีนี้ จะเน้นทำให้การไหลเวียนของระบบโลหิต และระบบกล้ามเนื้อทำงานดีขึ้น โดยจะช่วยยับยั้งการกลับมาของไมเกรนได้ถึง 8 เดือน แต่ผู้รับบริการต้องดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงภาวะเครียด ทำงานหนัก งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ รวมถึงอาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต

แต่หากต้องเผชิญภาวะดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรู้จักสังเกตอาการตนเอง เมื่อรู้สึกเมื่อยจากการทำงานก็ให้หยุดพักเพื่อให้กล้ามเนื้อได้คลายตัว หรือเริ่มมีอาการปวดศีรษะ เบ้าตา ก็ให้หาที่สลัวๆ เพื่อพักสายตา หลบจากแสงจ้า ใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณต้นคอ ขมับ และไม่ควรออกกำลังกาย เพราะจะยิ่งเพิ่มความดันทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากยิ่งขึ้น

เพียงเท่านี้ก็สามารถขจัดปัญหารำคาญใจ และยืดอายุความสุขจากการปลอดไมเกรนได้อย่างแน่นอน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น