5 อารมณ์


ด้วยเหตุผลที่ว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว การเปลี่ยนแปลงสภาวะทางอารมณ์ หรือการแปรปรวนของจิตยังส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นตับ ไต หัวใจ ม้าม ปอด นั่นหมายความว่าทางที่ดีที่สุดที่จะห่างไกลโรคไม่ใช่เพียงแค่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารใ้ครบ 5 หมู่ หรือตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำเท่านั้น แต่การหมั่นตรวจเช็คสภาวะทางอารมณ์ แนะนำว่าต้องกำจัดเป็นการเร่งด่วน

1 ความโกรธ
เหตุที่ต้องกำจัด เวลาที่โกรธ ร่างกายจะรู้สึกร้อนแก้ม และตาเริ่มเป็นสีแดง บางทีหูอื้อ มือไม้สั่น หรือไม่ก็วิงเวียนศีรษะ อาจถึงขั่นเป็นลมหมดสติ ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังแปรปรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตับของคุณกำลังทำงานหนักเกินไปจนไปกระทบม้าม ทำให้เกิดอาการท้องอืด กระทบกระเพาะอาหารจนเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน กระทบไตจนทำให้เกิดอาการอ่อนแรง และทำให้ความดันโลหิตสูง ความโกรธจะแสดงพิษสงทำให้ใจเร่าร้อน หงุดหงิด เดือดดาล จนต้องรีบระบายออกไปโดยเร็วด้วยการด่าว่า ทุบตี ทำลายบุคคลหรือสิ่งของที่เป็นเหตุให้เราโกรธ เมื่อนั้นใจจึงรู้สึกสบาย
วิธีจัดการ วลีที่ว่า โกรธเขาใจเราร้อน ท่องทันทีที่ความโกรธเกิดขึ้นเพื่อเรียกสติให้คืนมา ที่สำคัญ เขาคนนั้นไม่มีทางรู้เลยว่าตับของเรากำลังทำงานหนักด้วยความโกรธ หรือเรากำลังนอนไม่หลับเพราะความโกรธที่ยังวิ่งวนอยู่ในสมอง อย่างนี้แล้วเราจะโกรธเพื่อให้ใจและกายเราย่ำแย่ทำไม

2 ความปิติยินดี
เหตุที่ต้องกำจัด อาการดีใจแม้จะเป็นการแสดงอารมณ์ทางบวกที่ส่งผลให้ร่างกายเราผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียนดี แต่หากเราดีใจมากเกินไป หรือหยุดความตื่นเต้นยินดีนั้นไม่ได้ก็อาจเกิดโทษเช่นกัน เพราะความปิติยินดีเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการทำงานของหัวใจ เช่นมีคนดีใจจนช็อคตาย นั่นเป็นเพราะหัวใจทำงานหนักเกินไป สังเกตุได้ว่าเวลาดีใจมากๆ เรามักจะกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือมีอาการใจสั่น นั่นเป็นเพราะจิตมัวแต่วิ่งวุ่นอยู่กับอาการดีใจ และมื่อจิตไม่มั่นคง สมาธิก็จะไม่เกิด ท้ายที่สุดความสามารถในการควบคุมกายและใจจะลดต่ำลงทันที
วิธีจัดการ สติคือเครื่องมือที่ดีที่สุดที่สามารถนำมาควบคุมความดีใจได้เป็นอย่างดี และสติต้องได้รับการฝึกฝน การฝึกสติที่ดีที่สุดคือการหมั่นตามลมหายใจเข้า-ออก เพื่อให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน

3 ความเศร้าเสียใจ
เหตุที่ต้องกำจัด ความเศร้าเสียใจรวมทั้งการร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของปอด ซึ่งเป็นอวัยวะในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เมื่อการทำงานของปอดผิดปกติ ย่อมส่งผลให้เกิดการหายใจขัด แน่นหน้าอก เราจะรู้สึกซึมและรู้สึกใจสั่นเนื่องจากออกซเจนเข้าไปเลี้ยงไม่เพียงพอ เมื่อเกิดอาการจิตตกจากความเศร้าเข้าครอบงำอยู่นาน สมองจะเริ่มเฉื่อยชา คิดจะทำอะไรดูเหมือนจะตันไปเสียทุกอย่าง ท้ายสุดจิตใจจะจมอยู่กับความเศร้าจนทำให้เกิดอาการป่วยทางจิตประเภทต่างๆ ตามมา
วิธีจัดการ ณ.เวลาที่เราจมอยู่กับความเศร้ามากๆ การเรียกสติให้คืนกลับมาครบ 100 เปอร์เซ็นต์อาจเป็นเรื่องยากเกินไป แต่สิ่งที่ทำได้คือ ลุกขึ้นไปออกกำลังกายให้หัวใจได้เต้นแรงๆ เพื่อปอดและหัวใจจะได้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการดึงจิตให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน

4 ความหวาดกลัว
เหตุที่ต้องกำจัด การปัสสาวะราดเวลาเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากลัว ในทางการแพทย์อารมณ์หวาดกลัวมีผลโดยตรงต่อการทำงานของไต ทำให้ไตไม่มีแรงดูดรั้ง ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระได้ พร้อมมีอาการปวดเอว แขนขาไร้เรี่ยวแรงตามมา และเมื่อไตทำงานผิดปกติ ของเสียที่ควรจะถูกขับถ่ายก็จะสะสมอยู่ในกระแสเลือด อันจะส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของหัวใจ และความกลัวนี่เองที่ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล
วิธีจัดการ จงชนะความกลัวด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง คือสูตรลับที่ใช้ได้ตลอดกาล เวลาที่เกิดความกลัว จิตจะเริ่มฟุ้งซ่าน และปรุงแต่งไปต่างๆ นานา ดังนั้นทันทีที่เจอความกลัว ให้เราข่มใจให้เข้มแข็ง แล้วเดินเข้าไปหาความกลัว พร้อมมองหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเรากำลังกลัวอะไร ถ้าเดินไปที่มืดแล้วกลัว ให้หยุดแล้วมองไปรอบๆ ดูให้ชัดว่าเรากลัวอะไร ได้ยินเสียงแล้วแว่วแล้วทำให้กลัว ก็ให้หยุดฟังเสียงนั้นให้ชัดว่าแท้จริงคืออะไร และเมื่อฝึกบ่อยๆ ความกล้าก็จะบังเกิดและความฟุ้งซ่านจากอาการกลัวก็จะหมดไปที่สุด

5 ความวิตกกังวล
เหตุที่ต้องกำจัด ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวลเกี่ยวกับงาน การเงิน ปากท้อง ครอบครัว ทั้งหมดส่งผลให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและส่งผลกระทบไปยังม้าม จึงไม่แปลกหากเราเครียดกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ จะรู้สึกท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร ตำราแพทย์จีนเชื่อว่า ม้ามทำหน้าที่สร้างพลีงซี่ หรือพลังชีวิตที่จำเป็นที่สุดในร่างกาย ถ้าม้ามทำงานผิดปกติ ย่อมหมายถึงการทำงานของหัวใจ ปอด ไต ระบบการย่อยที่ผิดปกติด้วยนั่นเอง
วิธีจัดการ เมื่อมีความวิตกกังวลเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือแยกแยะเรื่องราวนั้นๆ ว่าเราสามารถจัดการควบคุมได้ด้วยตัวเราเองหรือไม่ หรือต้องให้คนอื่นเข้ามาช่วยแก้ ให้เราเริ่มต้นจัดการด้วยสติ พร้อมคิดเสียใหม่ว่าทุกปัญหามีทางออก ถ้าเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับผู้อื่น ก็ต้องให้คนนั้นเป็นคนจัดการ โลกไม่ได้หมุนไปด้วยเราคนเดียว สุดท้ายถ้าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมอย่างเช่นภัยธรรมชาติ ก็ให้ปล่อยวางและคิดเสียว่า เมื่อมีวิกฤติย่อมมีโอกาสตามมาเสมอ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น