ถุงน้ำที่รังไข่

source: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ,  facebook.com/DrCareBear
โพลีซีสติก โอวารี ซินโดรม หรือ พี ซี โอ เอส (Polycystic Ovary Syndrome; PCOS) เป็นความผิดปกติของคุณผู้หญิง โดยเกิดมีถุงน้ำเล็กๆ กระจายอยู่ในรังไข่ ชาวบ้านทั่วไปอาจเรียกว่ามีซีสต์ในรังไข่ โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย ประมาณหนึ่งในสิบของสตรีวัยเจริญพันธุ์จนถึงอายุ 45 ปี ป่วยด้วยโรคนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากรังไข่ทำหน้าที่เป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนหลายชนิด ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรังไข่ มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนอื่นๆ ในร่างกายไม่สมดุลและเป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติในระบบอื่นๆ ของร่างกาย โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 50 ของคุณผู้หญิงที่มีถุงน้ำในรังไข่ มีระดับฮอร์โมนอินซูลินในกระแสเลือดสูงกว่าปกติ (Hyperinsulinemia) และร่างกายตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลินน้อยกว่าปกติ (Insulin resistance) ส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงและเกิดภาวะเบาหวานตามมา

ถุงน้ำที่รังไข่ สามารถพบได้ในผู้หญิงทุกวัย  ซีสต์ (cyst) ไม่ใช่โรค เราเรียกว่าเป็นภาวะที่มี ซีสต์ (cyst) หรือแปลเป็นภาษาไทยว่าถุงน้ำเกิดขึ้นในร่างกาย ไม่ใช่เนื้องอก และไม่ได้เกี่ยวข้องกับมะเร็ง ที่สำคัญคือสามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกอวัยวะ ตั้งแต่ผิวหนังเรื่อยลงไปจนถึงอวัยวะภายใน ภายในซีสต์นั้นอาจจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำหรือสารหลั่งจากต่อมของร่างกาย ขนาดของซีสต์มีตั้งแต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จนถึงมองเห็นได้ การตรวจอัลตราซาวน์ส่วนใหญ่จะตรวจพบความผิดปกติ แม้จะไม่มีอาการ แต่สำหรับคนที่มีอาการอาจจะปวดท้องน้อย หรือรู้สึกแน่น ๆ ส่วนใหญ่ แล้วไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และไม่ได้ทำให้กลายเป็นมะเร็ง ขนาดที่ตรวจพบได้มีตั้งแต่เล็ก ๆ แค่หนึ่งเซนติเมตรขึ้นไปใหญ่เป็น 10 เซนติเมตรก็มี

หลายคนอาจเกิดคำถามว่าเมื่อมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง ลำดับแรกข้อมูลที่คุณผู้หญิงควรรู้ก่อนก็คือ โดยปกติรังไข่เป็นแหล่งฟูมฟักเซลล์ไข่ ตั้งแต่เป็นเซลล์อ่อนจนโตเต็มที่ พร้อมที่จะผสมกับเซลล์อสุจิจากฝ่ายชาย แต่เมื่อเกิดถุงน้ำกระจายแทรกในรังไข่ ย่อมส่งผลให้รังไข่ทำงานผิดปกติแน่นอน ซึ่งอาการที่กล่าวมาข้างต้นเป็นอาการที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม อาการที่ไม่สามารถสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติก็ยังมี เช่น เยื่อบุมดลูกหนาตัว (Endometrial hyperplasia) จนอาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก เป็นต้น นอกจากนี้ การเกิดถุงน้ำในรังไข่ยังเป็นสาเหตุของความผิดปกติของระบบอื่นๆ ของร่างกายตามมาอีกหลายระบบด้วย

นอกจากความผิดปกติที่แสดงออกทางกายแล้ว ความไม่สมดุลของฮอร์โมนยังมีผลต่ออารมณ์และจิตใจด้วย โดยอาจมีอาการซึมเศร้าหรือมีความกังวลต่อเรื่องต่างๆ มากกว่าปกติ คุณผู้หญิงบางท่านอาจมีภาวะอ้วนและเกิดการหยุดหายใจเป็นเวลาสั้นๆ ในช่วงนอนหลับ ทำให้รู้สึกตัวตื่นเป็นระยะๆ นอนหลับไม่สนิท อาจส่งผลให้ง่วง ซึมหรือหงุดหงิดในช่วงเวลากลางวัน หากมีอาการดังกล่าวก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเพื่อแพทย์จะได้วางแผนการดูแลด้านอารมณ์และจิตใจไปพร้อมกับการรักษาภาวะผิดปกติของร่างกาย การเกิดถุงน้ำในรังไข่นี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุหลักคือการได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากบิดา-มารดา ดังนั้น คุณผู้หญิงที่มีคุณแม่ พี่สาวหรือน้องสาวป่วยด้วยโรคนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้เช่นกัน
สาเหตุของถุงน้ำที่รังไข่ในหญิงที่ยังไม่หมดประจำเดือน
 - การตกไข่ ในแต่ละรอบเดือน ก่อนการตกไข่ รังไข่จะมีการสร้างถุงน้ำขึ้นมาตามรอบเดือน บางครั้งไม่มีการตกไข่ จึงพบว่าเป็นถุงน้ำ ถุงน้ำลักษณะนี้จะหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นรักษา
 - ถุงน้ำชนิด Dermoid cysts เป็นถุงน้ำอีกลักษณะหนึ่งที่พบบ่อยในช่วงอายุ 20-40 ปี ซึ่งเกิดจากเซลล์ที่เกิดขึ้นในช่วงพัฒนาการอาจจะพบผม ฟัน หรือไขมันอยู่ภายใน ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่พบส่วนน้อยที่อาจจะเป็นมะเร็งได้
- ภาวะถุงน้ำ ชนิด Polycystic ovary syndrome (PCOS) จะพบในรังไข่มีถุงน้ำเล็ก ๆ จำนวนมาก มักจะพบร่วมกับอาการอื่น เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ มีบุตรยาก น้ำหนักขึ้นเร็ว ผมร่วง
- ถุงน้ำ chocolate cyst ชื่อทางแพทย์จะเรียกว่า Endometriosis จะมีอาการปวดประจำเดือน ซึ่งจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ  มักจะต้องให้การรักษาด้วยฮอร์โมน
- ตั้งครรภ์ ในหญิงตั้งครรภ์จะมีการเกิดถุงน้ำที่รังไข่ได้ ซึ่งจะช่วยการตั้งครรภ์จนกว่าการเจริญของรกเรียบร้อยดี แต่ในบางรายถุงน้ำจะอยู่จนคลอดเลย
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานรุนแรง การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรายอาจจะลามไปถึงรังไข่และปีกมดลูก ทำให้เกิดฝี หรือหนอง ทำให้เห็นเป็นถุงน้ำใกล้ ๆ กับรังไข่ได้
- มะเร็งรังไข่  มะเร็งที่รังไข่เป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่หากพบถุงน้ำที่รังไข่ ภาพที่เห็นทางอัลตราซาวน์พอจะบอกได้ว่าเป็นลักษณะที่เสี่ยงหรือไม่ และสามารถตรวจยืนยันได้ด้วยการตรวจเลือดดูระดับค่าความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ คือค่า CA125

สาเหตุของถุงน้ำที่รังไข่ในหญิงวัยหมดประจำเดือน

- เป็นถุงน้ำที่โตขึ้นที่ไม่ใช่เนื้อร้าย
- เป็นของเหลวที่ไปสะสมอยู่ในรังไข่
- มะเร็งในวัยหมดประจำเดือนหากตรวจพบก้อนที่เพิ่งโตขึ้นใหม่ หรือเพิ่งพบมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าในหญิงที่ยังมีประจำเดือน

ถึงแม้ว่ามะเร็งที่รังไข่จะไม่ได้พบบ่อยมาก แต่เมื่อมีการตรวจพบถุงน้ำก็ต้องระวังว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ โดยผู้ที่มีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งที่รังไข่ได้

 1. มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่
 2. มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งทางเดินอาหาร
 3. ลักษณะของถุงน้ำที่ตรวจพบเป็น ถุงน้ำที่มีขอบไม่เรียบ มีเนื้ออยู่ภายใน หรือมีลักษณะเหมือนมีของเหลวอยู่ภายในหลาย ๆ ส่วน เรียกว่า complex cyst
 4. ตรวจพบว่ามี ของเหลวในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน จากการตรวจอัลตราซาวน์
    เมื่อตรวจมีความเสี่ยงเหล่านี้ จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ และทำการตรวจรักษาต่อไป

อาการของถุงน้ำที่รังไข่
ถุงน้ำที่รังไข่อาจจะแสดงอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ ผู้หญิงที่มีอาการจะมีอาการปวดท้องน้อย หรือรู้สึกแน่น ๆ ในช่องท้องส่วนล่างข้างที่มีถุงน้ำอยู่
ลักษณะปวดอาการจะเป็นปวดตื้อ ๆ หรือปวดเกร็ง หรือปวดบีบ ๆ เป็นพัก ๆ ก็ได้
ในรายที่มีอาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้นมาแบบเฉียบพลัน ต้องระวังว่ามีการแตกของถุงน้ำได้
ในรายที่มีรังไข่บิด torsion (twising) ovary จะมีอาการปวด ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน

การวินิจฉัยถุงน้ำที่รังไข่
การตรวจพบถุงน้ำที่รังไข่ อาจจะตรวจพบจากการตรวจภายใน แต่เพื่อยืนยันลักษณะของถุงน้ำจะทำการตรวจโดยการอัลตราซาวน์ ซึ่งจะสามารถบอกจำนวน ขนาด ตำแหน่ง และลักษณะถุงน้ำได้อย่างชัดเจน แต่ในกรณีที่ต้องการรายละเอียดมากขึ้น อาจจะต้องทำ CT scan เพิ่มเติม

การตรวจเลือดบางอย่างสามารถช่วยบอกได้ว่า Cyst ที่พบเป็นชนิดใด การตรวจที่่ช่วยได้แก่
- การตรวจการตั้งครรภ์ อาจจะใช้การตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะก็ได้ เนืองจากถุงน้ำสามารถพบได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์ และถ้ามีการขาดประจำเดือน ก็ยิ่งสมควรตรวจ
- ค่าความเสี่ยงมะเร็ง CA 125 เป็นการตรวจเลือดเพื่อบ่งถึงความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ โดยพบว่า 80% ของผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่ สามารถตรวจพบว่าค่า CA 125 สูงกว่าปกติ
- แต่ในบางภาวะที่ไม่ใช่มะเร็งก็สามารถพบว่าค่า CA 125 สูงกว่าปกติได้ เช่น ในโรค endometriosis เนื้องกที่มดลูก การอักเสบในอุ้งเชิงกราน โรคตับโรคไต จึงแนะนำให้ทำการตรวจค่า CA 125 เมื่อ
        - ตรวจพบถุงน้ำที่รังไข่ในหญิงวัยหมดประจำเดือน
        - ตรวจพบถุงน้ำที่รังไข่ขนาดใหญ่หรือสงสัยเป็นมะเร็ง ในหญิงวัยที่ยังมีประจำเดือน
        - ไม่จำเป็นต้องส่งตรวจ CA 125 ถ้าถุงน้ำมีขนาดเล็กหรือว่าไม่มีลักษณะที่ทำให้สงสัยว่าเป็นมะเร็ง

ถุงน้ำที่รังไข่ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาเสมอไป ส่วนใหญ่แล้วจะหายไปได้เอง ภายใน 1-2 เดือน แต่ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่ หรือทำให้มีอาการปวด หรือมีลักษณะที่อาจเสี่ยงเป็นมะเร็ง การรักษาคือการผ่าตัดถุงน้ำหรือตัดรังไข่ข้างที่ผิดปกติออกไป

การติดตามตรวจ
หญิงที่ยังมีประจำเดือน การติดตามในกลุ่มนี้จะติดตามอาการ เช่นอาการปวด และติดตามตรวจอัลตราซาวน์ใน 6-8 สัปดาห์ เพื่อดูว่ามีขนาดเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าขนาดเท่าเดิมสามารถติดตามดูต่อได้ ในบางรายจะได้รับคำแนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการเกิดถุงน้ำขึ้น ใหม่
หญิงในวัยหมดประจำเดือน ถ้าผลการตรวจอัลตราซาวน์ไม่มีลักษณะที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และค่า CA 125 ปกติสามารถติดตามดูได้ โดยให้ตรวจอัลตราซาวน์และตรวจค่า CA 125 ทุก 3-6 เดือน แต่ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือค่า CA 125 สูงขึ้นควรจะต้องทำการผ่าตัดออก

ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
ถุงน้ำที่รังไข่บางชนิดอาจจะกลับมาเป็นได้ใหม่ เช่น ถุงน้ำจาก endoetriosis หรือ Chocolate cyst ซึ่งอาจจะสามารถป้องกันการเกิดถุงน้ำขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการทานยาคุมกำเนิด และควรติดตามตรวจกับแพทย์ตามนัด
Dr.Carebear โรงพยาบาลสมิติเวช

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น