การบินข้ามเส้นแบ่งเวลาในช่วง 24
ชั่วโมง อาจทำให้เวลาสั้นลงหรือยาวขึ้นอีกวัน ซึ่งมีผลกระทบต่อวงจรปกติ
และวงจรฮอร์โมนของร่างกายและทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย
นอกจากนี้การขาดน้ำและนั่งอยู่กับที่นานๆ
ขณะเดินทางโดยเครื่องบินก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นกัน
การเดินทางทางอากาศมีข้อแตกต่างจากการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ
ตรงที่สามารถเดินทางข้ามโซนเวลาได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเหตุนี้
จึงเป็นสาเหตสำคัญที่ทำให้รบกวนกลไกการทำงานของ “นาฬิกาชีวภาพ”
ในร่างกายของเรา และยังทำให้เกิดการสับสนกับการเปลี่ยนแปลงทางเวลา
โดยเฉพาะการเดินทางไปยังโซนเวลาที่แตกต่างกันมากๆ
ถึงแม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่อง
“นาฬิกาชีวภาพ” ก็ตาม แต่สายการบินส่วนใหญ่ ก็ได้แนะนำวิธีการต่างๆ
แก่ผู้โดยสาร เพื่อดูแลสุภาพบนเครื่องบิน ให้การเดินทางของคุณ
ราบรื่นและสุขสบาย
เนื่องจากตลอด 24 ชั่วโมงระหว่างการเดินทาง
การทำงานของร่างกายตั้งแต่การเคลื่อนไหวไปจนถึงความสนใจทางเพศจะขึ้นๆ ลงๆ
ขึ้นอยู่กับวงจรของสิ่งแวดล้อม เช่น เวลา อุณหภูมิ และแสงสว่าง
ระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวเนื่องกับวงจรของร่างกายถูกควบคุมโดยไฮโพทาลามัส
(ศูนย์ควบคุมระบบประสาทบริเวณใต้สมอง)ต่อมพิทูอิทารี
และไพเนียลตอบสนองต่อแสงสว่างที่เปลี่ยนแปลงด้วยการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินมาก
ขึ้นขณะอยู่ในความมืด แะอยุดผลิตเมื่อเริ่มมีแสงสว่าง
ปริมาณเมลาโทนินในร่างกายเป็นตัวทำให้รู้สึกง่วงนอน
การบินนานหลายชั่วโมงทำให้นาฬิกาในร่างกายแปรปรวนและเกิดอาการเหนื่อยล้า
คล้ายเพิ่งสร่างเมา ง่วงนอนตอนกลางวัน และไม่สามารถปรับตัวให้นอนตอนกลางคืน
ความทรงจำคลาดเคลื่อน
และเสียสมาธิการบินจากซีกโลกตะวันตกไปตะวันออกมีโอกาสเกิดอาการเช่นนี้
มากกว่าการบินจากซีกโลกตะวันออกไปตะวันตก
นอกจากนี้ การบินนานๆ ยังมีผลต่อสุขภาพเช่น
อากาศแห้งในเครื่องบินทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวแห้ง และปวดศีรษะ การนั่งเฉยๆ
เป็นเวลานานทำให้เท้าและข้อเท้าบวม
ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำที่อยู่ในชั้นลึกของขาซึ่ง
เป็นอันตราย บางคนมีอาการเครียดจากการนั่งเครื่องบิน
การป้องกัน นอนให้เพียงพอสองถึงสามคืนก่อนการเดินทาง
หากจะเดินทางไปซีกโลกตะวันออกควรฝึกตัวเองให้ชินกับเวลานอนใหม่
คือเข้านอนเร็วขึ้นหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลายๆ คืน
ถ้าไปทางซีกโลกตะวันตกควรเริ่มปรับตัวโดยเข้านอนหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลายคืน
ติดต่อกัน
ตั้งนาฬิกาตามเวลาใหม่ของประเทศที่จะไปทันทีที่ขึ้นเครื่องบิน
ขณะอยู่บนเครื่องบินควรเริ่มปรับวงจรเวลาหลับ
และตื่นตามเวลาที่ตั้งใหม่เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อถึง
ที่หมาย
ป้องกันอาการขาดน้ำโดยการดื่มน้ำเปล่าหรือผลไม้มากๆ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาแฟอีน
รวมถึงน้ำอัดลมซึ่งยิ่งจะทำให้ขาดน้ำมากขึ้นและอาจทำให้ท้องอืด
อาหารที่กินอาจทำให้ไม่สบายขณะเดินทาง
อาหารบนเครื่องบินบางครั้งเค็มและมันเกินไป
ควรสั่งอาหารแคลอรี่ต่ำและไขมันต่ำไว้ล่วงหน้า
นำผลไม้ไปด้วยเพื่อกินเป็นอาหารว่าง ลุกเดินไปมาห้าถึงสิบนาทีทุกสองชั่วโมง
อย่างน้อยเพื่อช่วยไม่ให้เท้าและข้อเท้าบวม
และป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่ขา การนวดข้อเท้าและน่องโดยลูบขึ้นจะช่วยได้
อย่านั่งไขว่ห้างเพราะจะยิ่งทำให้ข้อเท้าบวม
วิธีช่วยลดอาการตึงเครียดคือการนวดคอและไหล่ หรือสูดดมน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยการหยดลงบนทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้า
การรักษา
เมื่อถึงที่หมายถ้าเป็นช่วงกางวันให้ออกไปนั่งกลางแจ้งทันทีอย่างน้อยหนึ่ง
ชั่วโมง การได้รับแสงสว่างจะช่วยให้นาฬิการ่างกายปรับตัวได้ดี
พยายามไม่นอนตอนกลางวัน (หรืออาจงีบช่วงสั้นๆ) และเข้านอนตามเวลาท้องถิ่น
หากทำได้ควรออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อจะได้ไม่ง่วง
ถ้าถึงที่หมายกลางคืนให้เข้านอนตามเวลาท้องถิ่นแม้จะยังไม่ง่วง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น