หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ไอแพด กล้องถ่ายรูป ฯลฯ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สิ่งของที่นักท่องเที่ยว คนเดินทาง
หรือนักธุรกิจต่างต้องพกพาไปด้วยยามขึ้นเครื่องบินนั้น หลักๆ
แล้วเมื่อจะผ่านจุดตรวจโลหะที่สนามบินจำเป็นหรือไม่ที่ต้องแสดงสิ่งของเหล่า
นั้นแยกจากกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดหรือข้อกำหนดใดอีกบ้างที่คนเดินทางควรรู้ไว้เกี่ยว
กับการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่องบิน
หากมีกระเป๋าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ก็ต้องแยกอุปกรณ์เหล่านั้นใส่ถาด
ต่างหาก รวมถึงเสื้อคลุม และเข็มขัดด้วย
ขณะที่บางสนามบินอาจเคร่งครัดมากกว่า แะสิ่งที่อยู่ในลักษณะก้ำกึ่ง
เช่นตุ๊กตาใส่ถ่านทุกประเภท ถือเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ณ
จุดตรวจที่จะบอกว่าเข้าข่ายอันตรายหรือไม่
เรื่องของแบตเตอรี่ ประเภทลิเทียม-เมทัล
กำหนดให้มีส่วนประกอบลิเทียม-เมทัลเพียง 2 กรัมต่อก้อนเท่านั้น
ซึ่งเป็นปริมาณที่แบตเตอรี่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่มีไม่เกินอยู่
แล้ว เพราะถ้าเกิน จะถูกห้ามไม่ให้นำขึ้นเครื่องเด็ดขาดส่วนแบตเตอรี่สำรอง
จะต้องบรรจุไว้ในถุงพลาสติกแบบซิปล๊อกโดยต้องบรรจุแยกกัน
ขณะที่แบตเตอรี่ประเภทลิเทียม-ไอออน
ต้องมีสารประกอบลิเทียม-ไอออนต่อก้อนไม่เกิน 8 กรัม
ซึ่งเป็นปริมาณที่โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่มีไม่เกิน
และอนุญาตให้พกแบตเตอรี่สำรองได้ไม่เกินคนละ 2 ก้อนเช่นกัน
ในเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ยังถูกแบ่งเป็นชนิดที่ห้ามใช้ตลอดเที่ยวบิน เช่น โทรศัพท์มือถือ
วิทยุสื่อสาร โทรทัศน์ ของเล่นที่ใช้วิทยุบังคับ
รวมถึงของเล่นอิเล็กทรอนิกส์
แต่สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้หลังจากเครื่องบินขึ้นแล้ว 15 นาที
และต้องหยุดใช้เมื่อลดระดับเพดานบิน และเมื่อสัญญาณไฟแจ้งรัดเข็มขัดเปิด
ได้แก่ เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า mp3 เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องเล่นเกมส์
มินิดิสก์ ซึ่งกำหนดว่าต้องใช้กับหูฟังเท่านั้น ส่วนโทรศัพท์มือถือ
สามารถเปิดใช้งานได้ แต่เฉพาะรุ่นที่มีระบบการทำงานไฟลต์โหมด
หรือแอร์เพลนโหมดเท่านั้น
source: Travel around the world July 2013
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น