- จิตสำนึก เป็นจิตธรรมดาโดยทั่วไปจะทำการแยกแยะเหตุผลแสดงออกถึงความสงสัย การคาดคะเน การคิดคำนวน หรือการเรียนรู้ต่างๆ เปรียบเสมือนตะแกรงร่อนคอยคัดสิ่งที่ไม่ต้องการออก หากสิ่งใดก็ตามที่จิตสำนึกเราสนใจนั้นก็จะถูกส่งไว้ในรูปของความคิด มโนภาพ หรือจินตนาการ และถูกส่งผ่านเข้าไปยังจิตใต้สำนึก หรือจิตภายใน
- จิตใต้สำนึก เป้นจิตที่มีพลังมหาศาล ที่ไม่อาจกำหนดขอบเขตได้ แตกต่างจากจิตสำนึกตรงที่ จิตสำนึกธรรมดานั้น ไม่มีพลังหรืออำนาจสร้างสรรค์ เพราะปัญหาต่างๆ ที่คิดด้วยจิตสำนึกธรรมดานั้น บ่อยครั้งที่เราแก้ปัญหาไม่ตก กับคำพูดของจิตสำนึกว่า ผมยอมแล้ว หรือ จนปัญญาจริงๆ และทันทีที่ความคิดชั่ววูบเมื่อท่านคิดว่าจนตรอก หรือหมดทางแล้วก็แวบขึ้นมาในจิต๘ณะปล่อยวาง ทำให้ท่านนึกออกมองเห็นลู่ทาง หรือแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป้นความคิด ความจำ เรื่องต่างๆ ที่สำคัญๆ ในอดีตที่ท่านรพยายามนึก
สูตรสามขั้นในการช่วยเหลือให้ท่านเสริมสร้างพลังแห่งความสำเร็จ โดยการปฏิบัติง่ายๆ และช่วยให้ท่านมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านต้องการทางจิตใจได้โดยใช้หักการของธรรมชาติของจิตใต้สำนึก
ขั้นที่หนึ่ง ท่านจะต้องปล่อยวางแะผ่อนคลายความวิตกกังวล หรือความตึงเครียดต่างๆ ที่จะทำให้ใจของท่านว่างด้วยกุศลโลบายต่างๆ เช่น ทำความรู้สึกให้โล่งโปร่งเบา ลืใเรื่องราวต่างๆ ที่จะมากระทบหรือรบกวนจิตใจ หรืออาศัยสถานที่เงียบๆ พักผ่อนใจให้สงบหับตาสมมติว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโลก
ขั้นที่สอง ทำจิตใจของเรา ที่เป็นจิตใต้สำนึก ที่รู้จักคิดเห็นจดจำได้นี้ โดยการรักษาจิตสำนึกของเราให้สงบแะว่างจากความคิดอื่นๆ ซึ่งท่านจะต้องไม่ฟุ้งซ่าน วึ่งอาจจะต้องใช้วิธีการตามหลักสากล หรือหลักของศาสนาพุทธก็ได้
ขั้นที่สาม การปรุงแต่งจิตใต้สำนึกจากขั้นที่หนึ่งสู่ขั้นที่สอง เพื่อให้ท่านผ่อนคลายนั้น บางท่านหรือบางครั้งอาจจะต้องอาศัยเวลา สถานที่ หรือสภาพแวด้อมช่วย เปรียบเหมือนกับการทำน้ำขุ่นหรือน้ำที่มีตะกอนให้ใส ซึ่งต้องใช้เวลาและความนิ่งของน้ำ เมื่อร่างกายและจิตใจได้รับการผ่อนคลายลง จงตั้งใจสร้างจิตนาการ สร้างมโนภาพ ถึงสิ่งที่คุณปราถนาหรือจะได้รับ
ในขั้นที่สามนี้ เป้นการรวบรวมความคิดของเราพุ่งไปยังจุกๆ เดียวกัน ภาพ จินตนาการในสิ่งที่เราต้องการจะบรรลุ มองเห็นภาพของตนเอง กำลังทำสิ่งนั้นอยู่ หรือกำลังจะเกิดขึ้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น