ในพื้นที่เมืองใหญ่ ไม่ว่ากรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
รวมถึงตามภูมิภาคต่างๆ มีการตั้งวางตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ
ให้บริการตามย่านชุมชน นัยว่าสะอาดกว่าน้ำประปา
และได้รับความนิยมเป็นอย่างดี อธิบดีกรมอนามัย
แจ้งเตือนผู้ที่ใช้บริการน้ำดื่มจากตู้หยอดเหรียญ
เพราะหากน้ำดื่มภายในตู้ไม่สะอาดพอย่อมมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ในน้ำ
จนก่อให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อตามมาได้
จากพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามวิถีการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
แม้กระทั่งเรื่องของน้ำดื่ม ที่ได้ปรับเปลี่ยนการบริโภคพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ
จากน้ำฝนเป็นน้ำประปา
และน้ำดื่มบรรจุขวดจนกระทั่งพัฒนาขึ้นมาเป็นตู้น้ำหยอดเหรียญ
ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อาศัยในย่านชุมชน หอพัก ห้องเช่า อพาร์ตเมนต์
คอนโดมิเนียม โรงเรียน ฯลฯ
ส่งผลให้ธุรกิจบริการตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่ต้องการซื้อน้ำปริมาณมากใน
ราคาที่ถูก
ทั้งนี้การเลือกใช้บริการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ต้องดูจากความสะอาดของตู้
พื้นที่ในการตั้งถูกสุขลักษณะ ไม่ตั้งใกล้ถังขยะ หรือสิ่งปฏิกูล
ช่องรับน้ำภายในตู้ต้องสะอาด มีฝาปิดมิดชิด ไม่เป็นครบสกปรก
ปราศจากฝุ่นละออง และคราบอื่น ๆ หัวจ่ายน้ำต้องเป็นวัสดุที่เหมาะสม เช่น
สแตนเลส ไม่ควรเป็นท่อพลาสติก หรือสายยาง
และที่สำคัญต้องสะอาดไม่เป็นตะไคร่ หรือมีสิ่งสกปรกบริเวณหัวจ่ายน้ำ
และต้องไม่มีกลิ่นทุกชนิดปนมากับน้ำ
รวมทั้งสติ๊กเกอร์การตรวจรับรองที่ได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ
โดยระบุชื่อผู้ตรวจ ชื่อบริษัท วันเวลามาตรวจด้วย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สุ่มตู้น้ำหยอดเหรียญทั่วประเทศ 2,000 ตัวอย่าง
พบคุณภาพน้ำไม่ผ่านมาตรฐานถึงร้อยละ 37.8 ปนเปื้อนทั้งด้านเคมี-จุลินทรีย์
อุดรฯ-ตรัง-สุราษฎร์ธานีแย่สุด สงขลาดีสุด
จี้สำนึกผู้ประกอบการตรวจสอบตู้น้ำหยอดเหรียญสม่ำเสมอ
เปลี่นตัวกรองเมื่อเสื่อมสภาพ
ในส่วนของตู้น้ำหยอดเหรียญที่ไม่ผ่านมาตรฐาน พบว่าร้อยละ 26
เป็นเรื่องของเคมี คือมีปริมาณสารแขวนตะกอนที่ตัวกรองน้ำกรองไม่หมด
ความเป็นกรด ด่าง ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ความกระด้างของน้ำและการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม
และตะกั่วมากกว่าปกติ แสดงว่าคุณภาพตัวกรองมีปัญหา
ขณะเดียวกันยังพบจุลินทรีย์ปนเปื้อน ร้อยละ 16
โดยพบเชื้อโคลิฟอร์มมากที่สุด
ซึ่งเชื้อชนิดนี้บ่งบอกถึงความสะอาดของน้ำดื่มจากตู้ดังกล่าว
หากได้รับเชื้อดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดอาการทางเดินอาหารภายใน 2- 24 ชั่วโมง
โดยจะมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
จึงอยากขอให้ผู้ประกอบการใส่ใจผู้บริโภคด้วย
โดยที่ควรจะมีกำหนดการเปลี่ยนตัวกรองน้ำในแต่ละตู้
มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจจะเปลี่ยนตัวกรองอย่างน้อย 6 เดือน หรือ 1
ปีครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาจากน้ำดิบในแต่ละพื้นที่ด้วย
หากคุณภาพน้ำดิบในพื้นที่ใดไม่ดีนักควรเปลี่ยนตัวกรองให้บ่อยขึ้น
สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย
และโคลิฟอร์ม เนื่องจากความไม่สะอาดของอุปกรณ์กรองน้ำ ภาชนะที่เก็บน้ำ
และการเก็บน้ำที่กรองออกมาจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอย่างไม่ถูกลักษณะ
ทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนี้บางจุดยังพบสาหร่าย
และตะไคร่ในบริเวณหัวจ่ายน้ำอีกด้วย
ฉะนั้นในการเืลือกใช้บริการตู้น้ำหยอดเหรียญผู้ใช้บริการก็ต้องคอยสังเกตุให้ดี นั้บตั้งแต่ สภาพภายนอกของตู้น้ำดื่ม หัวจ่ายน้ำต้องสะอาด สังเกตุ สี รส เมื่อน้ำมีกลิ่น หรือรสชาติเปลี่ยน ควรเปลี่ยนตู้น้ำดื่มใหม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น