ตุ๊กตุ๊ก สามล้อเครื่อง

รถยนต์ขนาดเล็ก 3 ล้อ หน้าตาคล้ายกบ ตกแต่งสวยงาม ไม่มีพวงมาลัย มีแต่แฮนด์มอเตอร์ไซต์ เป็นพาหนะคู่ไทย ฝรั่งชอบใจ คนไทยชอบนั่ง ใช่แล้ว นี่คือ รถตุ็กตุ๊ก หรือ สามล้อเครื่อง พาหนะคู่บ้านคู่เมืองไทยมากว่า 50 ปี

เจ้ารถตุ๊กตุ๊กที่ว่านี้เป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ แรกเริ่มเป็นการนำรถเจ็ก หรือรถลากมาดัดแปลงต่อเข้ากับจักรยาน กลายเป็นสามล้อถีบ รับจ้างขนส่งผู้โดยสาร หรือสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วประเทศในสมัยหนึ่ง จากนั้นราว 50 ปีที่แล้ว รัฐบาลออกประกาศห้ามสามล้อถีบวิ่งภายในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน เพราะดูไม่โสภา และล้าหลัง แต่ได้สั่งนำเข้ารถยนต์บรรทุกสามล้อขนาดเล็กจากญี่ปุ่นมาวิ่งแทนที่

ซึ่งรถยนต์บรรทุกสามล้อเล็กที่นำเข้าจากญี่ปุ่นที่นำมาวิ่งในช่วงแรก มีลักษณะคล้ายระกระบะเล็ก เพียงแต่มี 3 ล้อเท่านั้น เริ่มเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกราวๆ ปี 2503
รถตุ๊กตุ๊ก ในสมัยก่อน มีทางให้ผู้โดยสารขึ้นลง 2 ด้านแต่ต่อมาเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเลยกำหนดให้ปิดทางขึ้นลงด้านขวา ของตัวรถ เหลือทางขึ้นลงเพียงด้านเดียว แต่กว่าจะมาเป็นรถตุ๊กตุ๊กได้อย่างทุกวันนี้ มีวิวัฒนาการจากการนำรถสามล้อเครื่องกระบะบรรทุกจากญี่ปุ่น เข้ามาดัดแปลง โดยเอามาต่อหลังคาเพิ่มไว้สำหรับนั่งโดยสารและขนของได้

แต่ในปี พ.ศ. 2508 รถตุ๊กตุ๊กก็เกือบจะต้องอันตรธานหายไปจากเมืองไทย เพราะทางราชการเตรียมจะยุบเลิก โดยเห็นว่าเป็นรถที่มีกำลังแรงม้าต่ำ แล่นช้า เกะกะกีดขวางทางจราจร แต่สุดท้ายก็สามารถต่อสู้ยืนหยัดอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลาเกือบ 50 ปี แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถตุ๊กตุ๊กยังถือเป็นรถที่ต้องถูกจำกัดจำนวน โดยปี พ.ศ.2530 ทางราชการก็ออกกฎห้ามจดทะเบียนรถตุ๊กตุ๊กรับจ้างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี และนครราชสีมา แต่อนุโลมให้กับรถตุ๊กตุ๊กส่วนบุคคลที่นำไปประยุกต์ใช้งานเฉพาะอย่างได้ ทำให้ปัจจุบันมีรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ รวมกันประมาณ 7,405 คันเท่านั้น และถ้ารวมๆ กันทั้งประเทศ จะมีรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งอยู่ประมาณ 3 หมื่นกว่าคัน

นอกจากคนไทยจะเริ่มประกอบรถตุ๊กตุ๊กใช้ในประเทศได้เองแล้ว ยังผลิตเพื่อส่งออกไปประเทศอื่นๆ ด้วย อาทิ อินเดีย ศรีลังกา สิงคโปร์ สร้างรายได้ให้กับประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท แถมยังกลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยอีกด้วย

ที่มาของชื่อเรียก "ตุ๊กตุ๊ก" เพราะเดิมทีชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยไม่รู้จะเรียกรถสามล้อเครื่องว่า อะไร เลยอาศัยเรียกชื่อตามเสียงท่อไอเสียของรถ กลายเป็นชื่อ "รถตุ๊กตุ๊ก" ติดปากมาถึงวันนี้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น