EAT THAT FROG! กินกบตัวนั้นซะ

21 วิธีอันยอดเยี่ยม เพื่อหยุดการผลัดวันประกันพรุ่ง และทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง
ถ้าทุกวันนี้ไม่มีเวลามากพอ ที่จะทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำ คนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่พยายามทำให้ได้ทุกอย่าง แต่เรียนรู้ที่จะมุ่งความสนใจ ไปยังงานที่สำคัญ และทำมันซะให้เสร็จสิ้น จัดระเบียบทุกๆ วัน ด้วยการ “กินกบตัวนั้น” คือการจัดการงานที่ท้าทายคุณ และมีโอกาสสูงที่จะผัดวันประกันพรุ่งต่อไปอีก ด้วยหลักบริหารเวลาของหนังสือเล่มนี้ ให้ข้อคิดในการตัดสินใจ สร้างวินัย และจิตใจที่แน่วแน่ เพราะไม่เพียงแต่จะทำงานได้มากขึ้น เร็วขึ้น แต่จะทำให้งานของคุณลงตัว มีประสิทธิภาพอย่างที่ต้องการได้ด้วย

คุณเชื่อไหมครับว่า การกินกบตอนเช้าวันละ 1 ตัว จะช่วยให้คุณก้าวหน้าในอาชีพการ งาน และมีชีวิตครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขได้ ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อนะครับ แต่ผมก็ขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง โดยผมไม่ได้เล่น ไสยศาสตร์หรือพึ่งสิ่งลี้ลับใดๆทั้งสิ้น การกินกบในที่นี้ คือ เทคนิคการบริหารจัดการเวลาอย่างหนึ่ง ที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Eat That Frog” ครับ

โดยเทคนิค “Eat That Frog” นี้ สรุปออกมาเป็นหลักการง่ายๆ คือ ให้เราทำงานที่ยากที่สุดก่อนเสมอ อุปมาเหมือนกับ การตื่นมาแล้วต้องกินกบเป็นอาหารเช้า ถ้าเรากลั้นใจกินได้ วันนั้นทั้งวันก็คงจะไม่มีอะไรมาทำให้เราเครียดได้อีกแล้วล่ะครับ เพราะเราเครียดสุดๆ ไปตั้งแต่ตอนกินกบแล้ว

ซึ่งเมื่อเรานำหลักการนี้ไปใช้แล้ว เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างมากครับเพราะตามกฏ 80/20 ของพาเรโต้ กล่าวไว้ว่า “งานเพียง 20% ที่เราทำ จะส่งผลถึงความก้าวหน้าในอาชีพถึง 80%” และโดยมากแล้วงาน 20% ที่จะทำให้เราก้าวหน้าก็คือ งานที่ยากที่สุด ลำบากที่สุดในการทำนั่นเอง

สาเหตุที่คนส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก็เพราะว่า คนเรามักจะชอบทำงานง่ายๆ ที่ไม่มีความสำคัญก่อนเสมอๆ บางคนพอไปถึงที่ทำงานก็นั่งเช็คอีเมล์ก่อนแล้วก็นั่งคุยโทรศัพท์ ทำงานอีกนิดหน่อยก็พักทานอาหารกลางวัน พอกลับตอนบ่ายก็รู้สึกง่วงๆ เลยนั่งเล่นอะไรอีกนิดหน่อยพอจะเริ่มทำงานก็ใกล้จะ 4 โมงเย็นแล้วก็คิดว่าคงทำงานยากๆ ไม่เสร็จ เก็บไว้ทำพรุ่งนี้ดีกว่า แต่สุดท้ายแล้ว วันพรุ่งนี้ก็จะไม่ค่อยมาถึง และก็มักจะลงเอยด้วยการรีบทำงานชิ้นสำคัญให้เสร็จก่อนกำหนดอย่างลวกๆ เพียงเพราะไม่ยอมทำมาก่อนหน้านั้น ทั้งๆ ที่เมื่อเราตื่นเช้ามา เป็นช่วงที่เราเพิ่งได้พักผ่อนมาอย่างเต็มที่ สมองเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพร้อมทำงานหนักได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าหากเราบังคับตนเองให้ใช้ทำงานที่ยากได้ตั้งแต่ตอนเช้า แล้วทำไปเรื่อยๆจนเสร็จ รับรองว่างานชิ้นสำคัญของคุณจะออกมาได้ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอนครับ และเมื่อคุณทำงานชิ้นยากๆ หรือทำงานที่มีความสำคัญมากๆ เสร็จไปแล้ว สารเอนโดฟินในสมองของคุณจะหลั่งออกมา ทำให้คุณรู้สึกฮึกเหิม และจะมีไฟในการทำงานย่อยๆ ให้เสร็จได้อีกเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วครับ

ในทางปฏิบัติแล้ว เทคนิค Eat That Frogนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆ ดังนี้
1. ในทุกคืนก่อนนอน หรือ ทุกเช้า เมื่อคุณมาถึงที่ทำงาน ให้คุณเขียนระบุงานที่ต้องทำทั้งหมดในวันนั้น โดยอาจจะจดใส่กระดาษ หรือพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ก็ได้ ซึ่งถ้าจะให้ดีที่สุดควรจะเขียนงานที่ต้องทำลงไปประมาณ 10 อย่าง (ถ้างานบางอย่างคิดว่าเยอะและทำวันเดียวไม่เสร็จ ให้ลองแยกงานใหญ่นั้นออกเป็นงานย่อยหลายๆ ชิ้น)

2. ทำการเรียงลำดับงานทั้งหมด โดยเรียงให้งานที่มีความสำคัญสูงที่สุด อยู่อันดับ 1 และงานที่สำคัญน้อยลงมาอยู่อันดับ 2 และเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ

3. ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำงานในอันดับที่ 1 และ 2 ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด โดยในระหว่างที่ทำงานอยู่ จะไม่ว่อกแว่กไม่พูดคุยเล่นกับคนอื่น ไม่โทรศัพท์ ไม่เล่น MSN เป็นต้น

4. เมื่อทำงานในลำดับที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วให้รีบทำงานลำดับที่ 2 ต่อไป จนกว่าจะเสร็จถึงค่อยออกไปเดินยืดเส้น ยืดสาย ทานกาแฟเพื่อผ่อนคลาย

5. ถ้าหากถึงเวลาพักกลางวันแล้ว ยังทำงานอันดับที่ 1 และ 2 ไม่เสร็จ ก็ขอให้รีบทานข้าวแล้วขึ้นมาทำงานต่อจนกว่าจะเสร็จ เพราะยิ่งเราพักนาน ไฟในการทำงานจะเริ่มมอดลงเรื่อยๆ

6. พยายามบังคับตนเองให้ทำงานอันดับที่ 1 และ 2 เสร็จก่อนเสมอ จึงค่อยกลับบ้านได้ เพราะว่างานทั้ง 2 อย่างนี้ คือ งานที่สำคัญที่สุด 20% ที่จะมีอิทธิพลและส่งผลให้คุณก้าวหน้าถึง 80% ในหน้าที่การงานนั่นเอง

7. สำหรับงานที่เหลือในลำดับที่ 3 – 10 เป็นต้นไป ให้รีบใช้เวลาทำงานที่เหลืออยู่ของวัน จัดการให้เสร็จทั้งหมดให้ได้ ถ้าหากไม่เสร็จจริงๆ ให้นำไปอยู่ในรายการงานที่ต้องทำในวันต่อไป
ง่ายๆ เพียงแค่นี้เองครับ กับการบริหารจัดการเวลาของคุณให้ดีขึ้น และเชื่อได้เลยว่า เมื่อคุณได้จัดระเบียบการทำงานของคุณใหม่แล้ว นอกจากหน้าที่การงานของคุณจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว คุณจะยังมีเวลาว่างทำกิจกรรมต่างๆ กับคนในครอบครัวอีกมากครับ
Book review: ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น